วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

กระเทียม ของมีประโยชน์จากก้นครัว


กระเทียม (Garlic) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum Linn. ซึ่งครัวไทยรู้จักเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น

การใช้กระเทียมเจียวโรยหน้าอาหาร หรือใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในเครื่องแกงชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเป็นตัวช่วยแต่งกลิ่นและรสร่วมกับมะนาวในน้ำพริกกะปิ แม้แต่พริกน้ำปลาหรือน้ำจิ้มรสแซบก็จะลืมกระเทียมไปไม่ได้ นอกจากนี้ใบและหัวกระเทียมสดๆ ยังเป็นผัก รวมถึงกระเทียมดองของอร่อย

กระเทียมยังเป็นสมุนไพรแก้ไขบรรเทาปัญหาสุขภาพของชาวบ้านมาโดยตลอด หมอพื้นบ้านไทยใช้กระเทียมสดรักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน โรคบิด ป่วง แก้ไอ และกระจายโลหิต กระทั่งเป็นที่สรุปได้ว่า กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเด่น 2 ประการ คือ ใช้ทารักษาโรคผิวหนัง และรับประทานแก้โรคความดันโลหิตสูงกระเทียมยังเป็นสมุนไพรแก้ไขบรรเทาปัญหาสุขภาพของชาวบ้านมาโดยตลอด หมอพื้นบ้านไทยใช้กระเทียมสดรักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน โรคบิด ป่วง แก้ไอ และกระจายโลหิต กระทั่งเป็นที่สรุปได้ว่า กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเด่น 2 ประการ คือ ใช้ทารักษาโรคผิวหนัง และรับประทานแก้โรคความดันโลหิตสูง

สรรพคุณของกระเทียม มีดังนี้
1. ฆ่าเชื้อรา คือ กลาก เกลื้อน และเชื้อราที่เกิดตามเล็บ หนังศีรษะและผม
2. ฆ่าเชื้อยีสต์ชนิดที่ทำให้เกิดลิ้นขาวเป็นฝ้าในเด็กทารก และทำให้เกิดระดูขาวในหญิงที่ตั้งครรภ์ หรือกินยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ
3. ลดความดันโลหิตสูง
4. ลดไขมันและคอเลสเตอรอล
5. ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว
6. ลดน้ำตาลในเลือด
7. ฆ่าหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียแทบทุกชนิด กล่าวคือ มีสารอัลลิซิน ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่มักทำให้เกิดโรคได้ถึง 15 ชนิด โดยเฉพาะยับยั้งเชื้อพวกที่ดื้อยาเพนนิซิลินได้ดีกว่าเชื้อพวกที่ไม่ดื้อยาอีกด้วย นอกจากนี้ ยังฆ่าเชื้อบิดที่มีพิษต่อลำไส้ได้ดี โดยมีสารที่สำคัญคือกาลิซิน รวมทั้งสามารถยับยั้งเชื้อบิดเทียม ซึ่งไม่รบกวนแบคทีเรียตัวอื่นที่มีประโยชน์ต่อลำไส้
8. ยับยั้งเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง และใช้รักษาแผลสด แผลที่เป็นหนอง คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ เชื้อวัณโรค และเชื้อปอดบวม
9. รักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
10. เป็นยาขับเสมหะและมีฤทธิ์ขับเหงื่อและขับปัสสาวะ
11. รักษาโรคไอกรน
12. แก้หืดและโรคหลอดลม
13. แก้ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย
14. ควบคุมโรคกระเพาะ คือมีสารเอเอส 1 ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ และยังช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้ด้วย
15. ขับพยาธิต่างๆ ได้หลายชนิด ได้แก่ พยาธิเข็มหมุด พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย และมีรายงานทดสอบจากอินเดียว่า กระเทียมมีสารไดอัลลิลไดซัลไฟด์ มีฤทธิ์ใช้ฆ่าพยาธิไส้เดือนได้ดี
16. แก้เคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารอัลลิซินเป็นตัวช่วยทำให้เลือดไหลเวียนมายังบริเวณที่ทาถูนวดยาได้ดีมากขึ้น
17. แก้ปวดข้อและปวดเมื่อย
18. ต่อต้านเนื้องอก
19. กำจัดพิษตะกั่ว
20. บำรุงร่างกาย ประเทศญี่ปุ่นได้ค้นพบสารในกระเทียมชื่อสคอร์ดินิน ไม่มีกลิ่น แต่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง รวมทั้งช่วยให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตและช่วยลดไขมันในร่างกาย

ยังมีผู้พบว่าในกระเทียมมีธาตุเจอร์เมเนียมค่อนข้างสูง ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหืด โรคไต โรคตับอ่อนและอาการท้องผูก รวมถึงมีสารชักนำวิตามินบี 1 เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นเท่าตัว โดยรวมเป็นสารอัลลิลไทอะมิน ทำให้วิตามินบี 1 ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นถึง 20 เท่า

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

มาเวทกันเถอะ


ถ้าหากคุณอยากที่จะมีร่างกายที่ฟิต มีระบบเผาผลาญที่ดีเยี่ยม มีอยากเลยค่ะ เรามาทำความรู้จักกับการเวท ซึ่งมีอุปกรณ์ประจำกายนั่นคือ เจ้าดัมเบล นั่นเองค่ะ

ถ้าคุณคิดว่าการยกน้ำหนักเป็นเรื่องเฉพาะของนักเพาะกาย จงคิดใหม่ เพราะผลการวิจัยระบุว่า การฝึกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อช่วยให้หุ่นฟิตกระชับ รวมถึงข้อดีอื่น ๆ อีก การรวมเอาการยกเวทเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการออกกำลังกายของคุณ สักสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนและโรคอ้วน การเวทนั้นยังช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อ ที่ฟิตแอนด์เฟิร์มอีกด้วยนะค่ะ ทำให้เรามีระบบการเผาผลาญที่ดีเยี่ยมอีกด้วยค่ะ

ประโยชน์ของการเวท
1. ช่วยเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก
การยกเวทนั้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกันกับกระดูก มีการศึกษาหนึ่งระบุว่า การฝึกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้กระดูกหักในผู้หญิงหลังวัยทอง กล้ามเนื้อกระตุ้น การเติบโตของกระดูก

2. เร่งการเผาผลาญอาหาร
การยกเวทช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อแบบ lean muscle หรือกล้ามเนื้อที่ผอมเรียว เพราะเนื้อเยื่อมีความต้องการพลังงานสูงมากกว่าเนื้อเยื่อไขมัน คุณจะเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น แม้คุณจะอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรก็ตาม ผลการวิจัยพบว่า การเพิ่มน้ำหนักให้กล้ามเนื้อมากขึ้น 1.5 กิโลกรัม จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหารให้เร็วขึ้น 7% หากคุณยกเวทสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ คุณจะมีน้ำหนักกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 1 กิโลกรัม และสูญเสียน้ำหนักไขมันประมาณ 1.5 กิโลกรัม

3. ทำให้แผ่นหลังแข็งแรงและเสริมสร้างระดับพลังงาน
การเวทนั้นมีส่วนช่วยในเรื่องของแผ่นหลังที่แข็งแรง เพราะฉะนั้นจะช่วยอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัญหาปวดหลัง เพราะถ้าหากคุณเวทเป็นประจำ สุขภาพคุณก็จะดี และอาการปวดหลังก็จะหายไป

4. ช่วยป้องกันเบาหวาน
ยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อที่เรียกว่า lean muscle มากเท่าไร ร่างกายก็ยิ่งมีกระบวนการจัดการกับกลูโคสได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันการต้านทานอินซูลิน ซึ่งเป็นเบาหวานอีกประเภทหนึ่งนั่นเอง

5. เสริมสร้างการทำงานของสมอง
ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิตเนสกล่าวว่า หากเราฝึกกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ความสามารถของที่จะส่งสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆในร่างกายก็จะดีขึ้นไปด้วย รวมไปถึงการส่งสารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนของสมอง ทำให้เสริมสร้างการทำงานของสมองที่ดีขึ้น

6. ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาก
หากการยกเวทที่ฟิตเนสหลายชั่วโมง ทำให้คุณเบื่อหน่าย ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป เพราะการวิจัยของออสเตรเลียเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า แค่การทำกายบริหาร 8-10 ท่า สัปดาห์ละ 2 ครั้งก็ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ขอแค่เป็นท่าในกลุ่มบริหารกล้ามเนื้อเป็นหลัก โดยเน้นท่าบริหารบริเวณกล้ามเนื้อหลังและท้อง

เห็นไหมค่ะ ว่าหากเราเริ่ม ที่รู้จักการเวท ไม่ต้องกลัวหรอกนะค่ะ สำหรับผู้หญิงบางคนที่กลัวจะมีกล้ามขึ้น ใหญ่โต บอกไว้เลยนะค่ะ เป็นความคิดที่ผิดมากๆเพราะผู้หญิงนั้นไม่มีฮอร์โมนเหมือนผู้ชายที่จะสามารถสร้างกล้ามได้มากมายขนาดนั้นค่ะ หากคุณเล่น ร่างกายของคุณก็จะกระชับมากขึ้น หน้าท้องไร้ไขมัน และบอกลาปัญหาสุขภาพที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วยค่ะ